Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๓. เวนาคปุรสุตฺตํ

    3. Venāgapurasuttaṃ

    ๖๔. เอกํ สมยํ ภควา โกสเลสุ จาริกํ จรมาโน มหตา ภิกฺขุสเงฺฆน สทฺธิํ เยน เวนาคปุรํ นาม โกสลานํ พฺราหฺมณคาโม ตทวสริฯ อโสฺสสุํ โข เวนาคปุริกา พฺราหฺมณคหปติกา – ‘‘สมโณ ขลุ , โภ, โคตโม สกฺยปุโตฺต สกฺยกุลา ปพฺพชิโต เวนาคปุรํ อนุปฺปโตฺตฯ ตํ โข ปน ภวนฺตํ โคตมํ เอวํ กลฺยาโณ กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคโต – ‘อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ วิชฺชาจรณสมฺปโนฺน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุโทฺธ ภควา’ติ 1ฯ โส อิมํ โลกํ สเทวกํ สมารกํ สพฺรหฺมกํ สสฺสมณพฺราหฺมณิํ ปชํ สเทวมนุสฺสํ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา ปเวเทติฯ โส ธมฺมํ เทเสติ อาทิกลฺยาณํ มเชฺฌกลฺยาณํ ปริโยสานกลฺยาณํ สาตฺถํ สพฺยญฺชนํ, เกวลปริปุณฺณํ ปริสุทฺธํ พฺรหฺมจริยํ ปกาเสติฯ สาธุ โข ปน ตถารูปานํ อรหตํ ทสฺสนํ โหตี’’ติฯ

    64. Ekaṃ samayaṃ bhagavā kosalesu cārikaṃ caramāno mahatā bhikkhusaṅghena saddhiṃ yena venāgapuraṃ nāma kosalānaṃ brāhmaṇagāmo tadavasari. Assosuṃ kho venāgapurikā brāhmaṇagahapatikā – ‘‘samaṇo khalu , bho, gotamo sakyaputto sakyakulā pabbajito venāgapuraṃ anuppatto. Taṃ kho pana bhavantaṃ gotamaṃ evaṃ kalyāṇo kittisaddo abbhuggato – ‘itipi so bhagavā arahaṃ sammāsambuddho vijjācaraṇasampanno sugato lokavidū anuttaro purisadammasārathi satthā devamanussānaṃ buddho bhagavā’ti 2. So imaṃ lokaṃ sadevakaṃ samārakaṃ sabrahmakaṃ sassamaṇabrāhmaṇiṃ pajaṃ sadevamanussaṃ sayaṃ abhiññā sacchikatvā pavedeti. So dhammaṃ deseti ādikalyāṇaṃ majjhekalyāṇaṃ pariyosānakalyāṇaṃ sātthaṃ sabyañjanaṃ, kevalaparipuṇṇaṃ parisuddhaṃ brahmacariyaṃ pakāseti. Sādhu kho pana tathārūpānaṃ arahataṃ dassanaṃ hotī’’ti.

    อถ โข เวนาคปุริกา พฺราหฺมณคหปติกา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อเปฺปกเจฺจ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อเปฺปกเจฺจ ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิํสุ, สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อเปฺปกเจฺจ เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อเปฺปกเจฺจ นามโคตฺตํ สาเวตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุ, อเปฺปกเจฺจ ตุณฺหีภูตา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข เวนาคปุริโก วจฺฉโคโตฺต พฺราหฺมโณ ภควนฺตํ เอตทโวจ –

    Atha kho venāgapurikā brāhmaṇagahapatikā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā appekacce bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu, appekacce bhagavatā saddhiṃ sammodiṃsu, sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃsu, appekacce yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu, appekacce nāmagottaṃ sāvetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu, appekacce tuṇhībhūtā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinno kho venāgapuriko vacchagotto brāhmaṇo bhagavantaṃ etadavoca –

    ‘‘อจฺฉริยํ , โภ โคตม, อพฺภุตํ, โภ โคตม! ยาวญฺจิทํ โภโต โคตมสฺส วิปฺปสนฺนานิ อินฺทฺริยานิ, ปริสุโทฺธ ฉวิวโณฺณ ปริโยทาโตฯ เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, สารทํ พทรปณฺฑุํ 3 ปริสุทฺธํ โหติ ปริโยทาตํ; เอวเมวํ โภโต โคตมสฺส วิปฺปสนฺนานิ อินฺทฺริยานิ ปริสุโทฺธ ฉวิวโณฺณ ปริโยทาโตฯ เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, ตาลปกฺกํ สมฺปติ พนฺธนา ปมุตฺตํ 4 ปริสุทฺธํ โหติ ปริโยทาตํ; เอวเมวํ โภโต โคตมสฺส วิปฺปสนฺนานิ อินฺทฺริยานิ ปริสุโทฺธ ฉวิวโณฺณ ปริโยทาโตฯ เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, เนกฺขํ 5 ชโมฺพนทํ ทกฺขกมฺมารปุตฺตสุปริกมฺมกตํ อุกฺกามุเข สุกุสลสมฺปหฎฺฐํ ปณฺฑุกมฺพเล นิกฺขิตฺตํ ภาสเต จ ตปเต จ วิโรจติ จ; เอวเมวํ โภโต โคตมสฺส วิปฺปสนฺนานิ อินฺทฺริยานิ ปริสุโทฺธ ฉวิวโณฺณ ปริโยทาโตฯ ยานิ ตานิ, โภ โคตม, อุจฺจาสยนมหาสยนานิ, เสยฺยถิทํ – อาสนฺทิ ปลฺลโงฺก โคนโก จิตฺตโก ปฎิกา ปฎลิกา ตูลิกา วิกติกา อุทฺทโลมี เอกนฺตโลมี กฎฺฎิสฺสํ โกเสยฺยํ กุตฺตกํ หตฺถตฺถรํ อสฺสตฺถรํ รถตฺถรํ อชินปฺปเวณี กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรณํ 6 สอุตฺตรจฺฉทํ อุภโตโลหิตกูปธานํ, เอวรูปานํ นูน ภวํ โคตโม อุจฺจาสยนมหาสยนานํ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’ติฯ

    ‘‘Acchariyaṃ , bho gotama, abbhutaṃ, bho gotama! Yāvañcidaṃ bhoto gotamassa vippasannāni indriyāni, parisuddho chavivaṇṇo pariyodāto. Seyyathāpi, bho gotama, sāradaṃ badarapaṇḍuṃ 7 parisuddhaṃ hoti pariyodātaṃ; evamevaṃ bhoto gotamassa vippasannāni indriyāni parisuddho chavivaṇṇo pariyodāto. Seyyathāpi, bho gotama, tālapakkaṃ sampati bandhanā pamuttaṃ 8 parisuddhaṃ hoti pariyodātaṃ; evamevaṃ bhoto gotamassa vippasannāni indriyāni parisuddho chavivaṇṇo pariyodāto. Seyyathāpi, bho gotama, nekkhaṃ 9 jambonadaṃ dakkhakammāraputtasuparikammakataṃ ukkāmukhe sukusalasampahaṭṭhaṃ paṇḍukambale nikkhittaṃ bhāsate ca tapate ca virocati ca; evamevaṃ bhoto gotamassa vippasannāni indriyāni parisuddho chavivaṇṇo pariyodāto. Yāni tāni, bho gotama, uccāsayanamahāsayanāni, seyyathidaṃ – āsandi pallaṅko gonako cittako paṭikā paṭalikā tūlikā vikatikā uddalomī ekantalomī kaṭṭissaṃ koseyyaṃ kuttakaṃ hatthattharaṃ assattharaṃ rathattharaṃ ajinappaveṇī kadalimigapavarapaccattharaṇaṃ 10 sauttaracchadaṃ ubhatolohitakūpadhānaṃ, evarūpānaṃ nūna bhavaṃ gotamo uccāsayanamahāsayanānaṃ nikāmalābhī akicchalābhī akasiralābhī’’ti.

    ‘‘ยานิ โข ปน ตานิ, พฺราหฺมณ, อุจฺจาสยนมหาสยนานิ, เสยฺยถิทํ – อาสนฺทิ ปลฺลโงฺก โคนโก จิตฺตโก ปฎิกา ปฎลิกา ตูลิกา วิกติกา อุทฺทโลมี เอกนฺตโลมี กฎฺฎิสฺสํ โกเสยฺยํ กุตฺตกํ หตฺถตฺถรํ อสฺสตฺถรํ รถตฺถรํ อชินปฺปเวณี กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรณํ สอุตฺตรจฺฉทํ อุภโตโลหิตกูปธานํฯ ทุลฺลภานิ ตานิ ปพฺพชิตานํ ลทฺธา จ ปน 11 น กปฺปนฺติฯ

    ‘‘Yāni kho pana tāni, brāhmaṇa, uccāsayanamahāsayanāni, seyyathidaṃ – āsandi pallaṅko gonako cittako paṭikā paṭalikā tūlikā vikatikā uddalomī ekantalomī kaṭṭissaṃ koseyyaṃ kuttakaṃ hatthattharaṃ assattharaṃ rathattharaṃ ajinappaveṇī kadalimigapavarapaccattharaṇaṃ sauttaracchadaṃ ubhatolohitakūpadhānaṃ. Dullabhāni tāni pabbajitānaṃ laddhā ca pana 12 na kappanti.

    ‘‘ตีณิ โข, อิมานิ, พฺราหฺมณ, อุจฺจาสยนมหาสยนานิ, เยสาหํ เอตรหิ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภีฯ กตมานิ ตีณิ? ทิพฺพํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ, พฺรหฺมํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ, อริยํ อุจฺจาสยนมหาสยนํฯ อิมานิ โข, พฺราหฺมณ, ตีณิ อุจฺจาสยนมหาสยนานิ, เยสาหํ เอตรหิ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’ติฯ

    ‘‘Tīṇi kho, imāni, brāhmaṇa, uccāsayanamahāsayanāni, yesāhaṃ etarahi nikāmalābhī akicchalābhī akasiralābhī. Katamāni tīṇi? Dibbaṃ uccāsayanamahāsayanaṃ, brahmaṃ uccāsayanamahāsayanaṃ, ariyaṃ uccāsayanamahāsayanaṃ. Imāni kho, brāhmaṇa, tīṇi uccāsayanamahāsayanāni, yesāhaṃ etarahi nikāmalābhī akicchalābhī akasiralābhī’’ti.

    ‘‘กตมํ ปน ตํ, โภ โคตม, ทิพฺพํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ, ยสฺส ภวํ โคตโม เอตรหิ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’ติ? ‘‘อิธาหํ, พฺราหฺมณ, ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรามิ, โส ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตเมว คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสามิฯ โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต วนนฺตเญฺญว ปวิสามิ 13ฯ โส ยเทว ตตฺถ โหนฺติ ติณานิ วา ปณฺณานิ วา ตานิ เอกชฺฌํ สงฺฆริตฺวา นิสีทามิ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาฯ โส วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ; วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ; ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรามิ สโต จ สมฺปชาโน สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทมิ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิ; สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรามิฯ โส เจ อหํ, พฺราหฺมณ, เอวํภูโต จงฺกมามิ, ทิโพฺพ เม เอโส ตสฺมิํ สมเย จงฺกโม โหติฯ โส เจ อหํ, พฺราหฺมณ, เอวํภูโต ติฎฺฐามิ, ทิพฺพํ เม เอตํ ตสฺมิํ สมเย ฐานํ โหติฯ โส เจ อหํ, พฺราหฺมณ, เอวํภูโต นิสีทามิ, ทิพฺพํ เม เอตํ ตสฺมิํ สมเย อาสนํ โหติฯ โส เจ อหํ, พฺราหฺมณ, เอวํภูโต เสยฺยํ กเปฺปมิ, ทิพฺพํ เม เอตํ ตสฺมิํ สมเย อุจฺจาสยนมหาสยนํ โหติฯ อิทํ โข, พฺราหฺมณ, ทิพฺพํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ, ยสฺสาหํ เอตรหิ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’ติฯ

    ‘‘Katamaṃ pana taṃ, bho gotama, dibbaṃ uccāsayanamahāsayanaṃ, yassa bhavaṃ gotamo etarahi nikāmalābhī akicchalābhī akasiralābhī’’ti? ‘‘Idhāhaṃ, brāhmaṇa, yaṃ gāmaṃ vā nigamaṃ vā upanissāya viharāmi, so pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya tameva gāmaṃ vā nigamaṃ vā piṇḍāya pavisāmi. So pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto vanantaññeva pavisāmi 14. So yadeva tattha honti tiṇāni vā paṇṇāni vā tāni ekajjhaṃ saṅgharitvā nisīdāmi pallaṅkaṃ ābhujitvā ujuṃ kāyaṃ paṇidhāya parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā. So vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharāmi; vitakkavicārānaṃ vūpasamā ajjhattaṃ sampasādanaṃ cetaso ekodibhāvaṃ avitakkaṃ avicāraṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharāmi; pītiyā ca virāgā upekkhako ca viharāmi sato ca sampajāno sukhañca kāyena paṭisaṃvedemi, yaṃ taṃ ariyā ācikkhanti – ‘upekkhako satimā sukhavihārī’ti tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharāmi; sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharāmi. So ce ahaṃ, brāhmaṇa, evaṃbhūto caṅkamāmi, dibbo me eso tasmiṃ samaye caṅkamo hoti. So ce ahaṃ, brāhmaṇa, evaṃbhūto tiṭṭhāmi, dibbaṃ me etaṃ tasmiṃ samaye ṭhānaṃ hoti. So ce ahaṃ, brāhmaṇa, evaṃbhūto nisīdāmi, dibbaṃ me etaṃ tasmiṃ samaye āsanaṃ hoti. So ce ahaṃ, brāhmaṇa, evaṃbhūto seyyaṃ kappemi, dibbaṃ me etaṃ tasmiṃ samaye uccāsayanamahāsayanaṃ hoti. Idaṃ kho, brāhmaṇa, dibbaṃ uccāsayanamahāsayanaṃ, yassāhaṃ etarahi nikāmalābhī akicchalābhī akasiralābhī’’ti.

    ‘‘อจฺฉริยํ, โภ โคตม, อพฺภุตํ, โภ โคตม! โก จโญฺญ เอวรูปสฺส ทิพฺพสฺส อุจฺจาสยนมหาสยนสฺส นิกามลาภี ภวิสฺสติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อญฺญตฺร โภตา โคตเมน!

    ‘‘Acchariyaṃ, bho gotama, abbhutaṃ, bho gotama! Ko cañño evarūpassa dibbassa uccāsayanamahāsayanassa nikāmalābhī bhavissati akicchalābhī akasiralābhī, aññatra bhotā gotamena!

    ‘‘กตมํ ปน ตํ, โภ โคตม, พฺรหฺมํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ, ยสฺส ภวํ โคตโม เอตรหิ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’ติ? ‘‘อิธาหํ, พฺราหฺมณ, ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรามิ, โส ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตเมว คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสามิฯ โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต วนนฺตเญฺญว ปวิสามิฯ โส ยเทว ตตฺถ โหนฺติ ติณานิ วา ปณฺณานิ วา ตานิ เอกชฺฌํ สงฺฆริตฺวา นิสีทามิ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาฯ โส เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรามิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ, ตถา จตุตฺถํ, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺฌน 15 ผริตฺวา วิหรามิฯ กรุณาสหคเตน เจตสา…เป.… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป.… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรามิ, ตถา ทุติยํ, ตถา ตติยํ , ตถา จตุตฺถํ 16, อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺฌน ผริตฺวา วิหรามิฯ โส เจ อหํ, พฺราหฺมณ, เอวํภูโต จงฺกมามิ, พฺรหฺมา เม เอโส ตสฺมิํ สมเย จงฺกโม โหติฯ โส เจ อหํ, พฺราหฺมณ, เอวํภูโต ติฎฺฐามิ…เป.… นิสีทามิ…เป.… เสยฺยํ กเปฺปมิ, พฺรหฺมํ เม เอตํ ตสฺมิํ สมเย อุจฺจาสยนมหาสยนํ โหติฯ อิทํ โข, พฺราหฺมณ, พฺรหฺมํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ, ยสฺสาหํ เอตรหิ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’ติฯ

    ‘‘Katamaṃ pana taṃ, bho gotama, brahmaṃ uccāsayanamahāsayanaṃ, yassa bhavaṃ gotamo etarahi nikāmalābhī akicchalābhī akasiralābhī’’ti? ‘‘Idhāhaṃ, brāhmaṇa, yaṃ gāmaṃ vā nigamaṃ vā upanissāya viharāmi, so pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya tameva gāmaṃ vā nigamaṃ vā piṇḍāya pavisāmi. So pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto vanantaññeva pavisāmi. So yadeva tattha honti tiṇāni vā paṇṇāni vā tāni ekajjhaṃ saṅgharitvā nisīdāmi pallaṅkaṃ ābhujitvā ujuṃ kāyaṃ paṇidhāya parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā. So mettāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharāmi, tathā dutiyaṃ, tathā tatiyaṃ, tathā catutthaṃ, iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ mettāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjhena 17 pharitvā viharāmi. Karuṇāsahagatena cetasā…pe… muditāsahagatena cetasā…pe… upekkhāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharāmi, tathā dutiyaṃ, tathā tatiyaṃ , tathā catutthaṃ 18, iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ upekkhāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjhena pharitvā viharāmi. So ce ahaṃ, brāhmaṇa, evaṃbhūto caṅkamāmi, brahmā me eso tasmiṃ samaye caṅkamo hoti. So ce ahaṃ, brāhmaṇa, evaṃbhūto tiṭṭhāmi…pe… nisīdāmi…pe… seyyaṃ kappemi, brahmaṃ me etaṃ tasmiṃ samaye uccāsayanamahāsayanaṃ hoti. Idaṃ kho, brāhmaṇa, brahmaṃ uccāsayanamahāsayanaṃ, yassāhaṃ etarahi nikāmalābhī akicchalābhī akasiralābhī’’ti.

    ‘‘อจฺฉริยํ , โภ โคตม, อพฺภุตํ, โภ โคตม! โก จโญฺญ เอวรูปสฺส พฺรหฺมสฺส อุจฺจาสยนมหาสยนสฺส นิกามลาภี ภวิสฺสติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อญฺญตฺร โภตา โคตเมน!

    ‘‘Acchariyaṃ , bho gotama, abbhutaṃ, bho gotama! Ko cañño evarūpassa brahmassa uccāsayanamahāsayanassa nikāmalābhī bhavissati akicchalābhī akasiralābhī, aññatra bhotā gotamena!

    ‘‘กตมํ ปน ตํ, โภ โคตม, อริยํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ, ยสฺส ภวํ โคตโม เอตรหิ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’ติ? ‘‘อิธาหํ, พฺราหฺมณ, ยํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรามิ, โส ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ตเมว คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสามิฯ โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต วนนฺตเญฺญว ปวิสามิฯ โส ยเทว ตตฺถ โหนฺติ ติณานิ วา ปณฺณานิ วา ตานิ เอกชฺฌํ สงฺฆริตฺวา นิสีทามิ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาฯ โส เอวํ ชานามิ – ‘ราโค เม ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวํกโต อายติํ อนุปฺปาทธโมฺม; โทโส เม ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายติํ อนุปฺปาทธโมฺม; โมโห เม ปหีโน อุจฺฉินฺนมูโล ตาลาวตฺถุกโต อนภาวงฺกโต อายติํ อนุปฺปาทธโมฺม’ฯ โส เจ อหํ, พฺราหฺมณ, เอวํภูโต จงฺกมามิ, อริโย เม เอโส ตสฺมิํ สมเย จงฺกโม โหติฯ โส เจ อหํ, พฺราหฺมณ, เอวํภูโต ติฎฺฐามิ…เป.… นิสีทามิ…เป.… เสยฺยํ กเปฺปมิ, อริยํ เม เอตํ ตสฺมิํ สมเย อุจฺจาสยนมหาสยนํ โหติฯ อิทํ โข, พฺราหฺมณ, อริยํ อุจฺจาสยนมหาสยนํ, ยสฺสาหํ เอตรหิ นิกามลาภี อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี’’ติฯ

    ‘‘Katamaṃ pana taṃ, bho gotama, ariyaṃ uccāsayanamahāsayanaṃ, yassa bhavaṃ gotamo etarahi nikāmalābhī akicchalābhī akasiralābhī’’ti? ‘‘Idhāhaṃ, brāhmaṇa, yaṃ gāmaṃ vā nigamaṃ vā upanissāya viharāmi, so pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya tameva gāmaṃ vā nigamaṃ vā piṇḍāya pavisāmi. So pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto vanantaññeva pavisāmi. So yadeva tattha honti tiṇāni vā paṇṇāni vā tāni ekajjhaṃ saṅgharitvā nisīdāmi pallaṅkaṃ ābhujitvā ujuṃ kāyaṃ paṇidhāya parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā. So evaṃ jānāmi – ‘rāgo me pahīno ucchinnamūlo tālāvatthukato anabhāvaṃkato āyatiṃ anuppādadhammo; doso me pahīno ucchinnamūlo tālāvatthukato anabhāvaṅkato āyatiṃ anuppādadhammo; moho me pahīno ucchinnamūlo tālāvatthukato anabhāvaṅkato āyatiṃ anuppādadhammo’. So ce ahaṃ, brāhmaṇa, evaṃbhūto caṅkamāmi, ariyo me eso tasmiṃ samaye caṅkamo hoti. So ce ahaṃ, brāhmaṇa, evaṃbhūto tiṭṭhāmi…pe… nisīdāmi…pe… seyyaṃ kappemi, ariyaṃ me etaṃ tasmiṃ samaye uccāsayanamahāsayanaṃ hoti. Idaṃ kho, brāhmaṇa, ariyaṃ uccāsayanamahāsayanaṃ, yassāhaṃ etarahi nikāmalābhī akicchalābhī akasiralābhī’’ti.

    ‘‘อจฺฉริยํ, โภ โคตม, อพฺภุตํ, โภ โคตม! โก จโญฺญ เอวรูปสฺส อริยสฺส อุจฺจาสยนมหาสยนสฺส นิกามลามี ภวิสฺสติ อกิจฺฉลาภี อกสิรลาภี, อญฺญตฺร โภตา โคตเมน!

    ‘‘Acchariyaṃ, bho gotama, abbhutaṃ, bho gotama! Ko cañño evarūpassa ariyassa uccāsayanamahāsayanassa nikāmalāmī bhavissati akicchalābhī akasiralābhī, aññatra bhotā gotamena!

    ‘‘อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม, อภิกฺกนฺตํ, โภ โคตม! เสยฺยถาปิ, โภ โคตม, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย – ‘จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตี’ติ; เอวเมวํ โข โภตา โคตเมน อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอเต มยํ ภวนฺตํ โคตมํ สรณํ คจฺฉาม ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสเก โน ภวํ โคตโม ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปเต สรณํ คเต’’ติฯ ตติยํฯ

    ‘‘Abhikkantaṃ, bho gotama, abhikkantaṃ, bho gotama! Seyyathāpi, bho gotama, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya – ‘cakkhumanto rūpāni dakkhantī’ti; evamevaṃ kho bhotā gotamena anekapariyāyena dhammo pakāsito. Ete mayaṃ bhavantaṃ gotamaṃ saraṇaṃ gacchāma dhammañca bhikkhusaṅghañca. Upāsake no bhavaṃ gotamo dhāretu ajjatagge pāṇupete saraṇaṃ gate’’ti. Tatiyaṃ.







    Footnotes:
    1. ภควา (สี. สฺยา กํ. ปี.) อิทํ สุตฺตวณฺณนาย อฎฺฐกถาย สํสเนฺทตพฺพํ ปารา. ๑; ที. นิ. ๑.๒๕๕ ปสฺสิตพฺพํ
    2. bhagavā (sī. syā kaṃ. pī.) idaṃ suttavaṇṇanāya aṭṭhakathāya saṃsandetabbaṃ pārā. 1; dī. ni. 1.255 passitabbaṃ
    3. มณฺฑํ (ก.)
    4. มุตฺตํ (สี. ปี. ก.)
    5. นิกฺขํ-อิติปิ (ม. นิ. ๓.๑๖๘)
    6. กาทลิมิคปวรปจฺจตฺถรณํ (สี.)
    7. maṇḍaṃ (ka.)
    8. muttaṃ (sī. pī. ka.)
    9. nikkhaṃ-itipi (ma. ni. 3.168)
    10. kādalimigapavarapaccattharaṇaṃ (sī.)
    11. ลทฺธานิ จ (สี. สฺยา. กํ.), ลทฺธา จ (ปี.)
    12. laddhāni ca (sī. syā. kaṃ.), laddhā ca (pī.)
    13. ปจารยามิ (สี. สฺยา. กํ.)
    14. pacārayāmi (sī. syā. kaṃ.)
    15. อพฺยาปเชฺฌน (สพฺพตฺถ)
    16. จตุตฺถิํ (สี.)
    17. abyāpajjhena (sabbattha)
    18. catutthiṃ (sī.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๓. เวนาคปุรสุตฺตวณฺณนา • 3. Venāgapurasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๓. เวนาคปุรสุตฺตวณฺณนา • 3. Venāgapurasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact